Internet of Things (IoT) คือ การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล การเชื่อมโยงนี้ง่ายจนทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ไปจนถึงการเชื่อมโยงการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ากับการใช้งานอื่นๆ จนเกิดเป็นบรรดา Smart ต่างๆ ได้แก่ Smart Device, Smart Grid, Smart Home, Smart Network, Smart Intelligent Transportation ทั้งหลายที่เราเคยได้ยินนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเพียงสื่อกลางในการส่งและแสดงข้อมูลเท่านั้น
กล่าวได้ว่า Internet of Things นี้ได้แก่การเชื่อมโยงของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายผ่านอินเทอร์เน็ตที่เรานึกออก เช่น แอปพลิเคชัน แว่นตากูเกิลกลาส รองเท้าวิ่งที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลการวิ่ง ทั้งความเร็ว ระยะทาง สถานที่ และสถิติได้
นอกจากนั้น Cloud Storage หรือ บริการรับฝากไฟล์และประมวลผลข้อมูลของคุณผ่านทางออนไลน์ หรือเราเรียกอีกอย่างว่า แหล่งเก็บข้อมูลบนก้อนเมฆ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราใช้งานบ่อยๆแต่ไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบของ Internet of Things สมัยนี้ผู้ใช้นิยมเก็บข้อมูลไว้ในก้อนเมฆมากขึ้น เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ คือ ไม่ต้องกลัวข้อมูลสูญหายหรือถูกโจรกรรม ทั้งยังสามารถกำหนดให้เป็นแบบส่วนตัวหรือสาธารณะก็ได้ เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต แถมยังมีพื้นที่ใช้สอยมาก มีให้เลือกหลากหลาย ช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย เนื่องจากเราไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดไดร์ฟ หรือ Flash drive ต่างๆ
สรุป
Internet of Thing เป็นแนวความคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมต่อทุกสิ่งเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยในการอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ และลดการสูญเสียเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แต่แนวคิดดังกล่าวหากไม่มีการควบคุมรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ ก็จะกลายเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงความเป็นส่วนตัว และแนวทางการดำเนินของผู้ใช้ระบบได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก |
Blockchain คือโครงสร้างข้อมูล (Data structure)
ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลในชีวิตประจำวันเช่น
- สมุดพก คือโครงสร้างข้อมูลที่ไว้เก็บผลการเรียน
- สมุดบัญชีก็คือโครงสร้างข้อมูลเอาไว้เก็บข้อมูลฝาก-ถอนในบัญชีธนาคารของเรา
- สมุดสะสมแต้ม เอาไว้เก็บแสตมป์ที่ได้จากเซเว่น
ตัวอย่างข้างต้นเป็นตัวอย่างที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบง่ายๆ ที่เราอาจจะทำเลียนแบบได้ในโปรแกรม excel ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้างข้อมูลแบบตาราง
สำหรับตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบ Blockchain เราอาจจะนึกแบบเรียน หรือหนังสืออะไรก็ได้ที่มีเลขหน้า ใช่ครับ หนังสือนี่แหละคือตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบ Blockchain แต่ละหน้าก็มีข้อมูลของตัวเองเป็น Block ส่วนเลขหน้าทำให้เรารู้ว่าหน้าก่อนหน้าคือหน้าอะไร หน้าถัดไปคือหน้าอะไร เชื่อมต่อกันเป็นสาย (chain)
แถมสำหรับโปรแกรมเมอร์ ลองดูตัวอย่างข้อมูลด้านล่างนี้ ส่วนที่อยู่ใน result ก็คือตัว data ที่เราสนใจ สำหรับส่วนหัวก็คือ link ที่จะเชื่อมไปหา block ก่อนหน้าและ block ถัดไป
{ "count": 12, "next": https://example.com/abc/?pages=3, "previous": https://example.com/abc/?pages=1, "results": [ ... data ... ] }