วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2562

งานที่2 Blockchain technology. (อ้างอิง https://medium.com/kiptopotamus/blockchain-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-60c69f6abf78)




Blockchain คือโครงสร้างข้อมูล (Data structure)

ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลในชีวิตประจำวันเช่น
  • สมุดพก คือโครงสร้างข้อมูลที่ไว้เก็บผลการเรียน
  • สมุดบัญชีก็คือโครงสร้างข้อมูลเอาไว้เก็บข้อมูลฝาก-ถอนในบัญชีธนาคารของเรา
  • สมุดสะสมแต้ม เอาไว้เก็บแสตมป์ที่ได้จากเซเว่น
ตัวอย่างข้างต้นเป็นตัวอย่างที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบง่ายๆ ที่เราอาจจะทำเลียนแบบได้ในโปรแกรม excel ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้างข้อมูลแบบตาราง
สำหรับตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบ Blockchain เราอาจจะนึกแบบเรียน หรือหนังสืออะไรก็ได้ที่มีเลขหน้า ใช่ครับ หนังสือนี่แหละคือตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบ Blockchain แต่ละหน้าก็มีข้อมูลของตัวเองเป็น Block ส่วนเลขหน้าทำให้เรารู้ว่าหน้าก่อนหน้าคือหน้าอะไร หน้าถัดไปคือหน้าอะไร เชื่อมต่อกันเป็นสาย (chain)
แถมสำหรับโปรแกรมเมอร์ ลองดูตัวอย่างข้อมูลด้านล่างนี้ ส่วนที่อยู่ใน result ก็คือตัว data ที่เราสนใจ สำหรับส่วนหัวก็คือ link ที่จะเชื่อมไปหา block ก่อนหน้าและ block ถัดไป
{
 "count": 12,
 "next": https://example.com/abc/?pages=3,
 "previous": https://example.com/abc/?pages=1,
 "results": [
    ... data ...
 ]
}



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น